วิธีทำความสะอาดรถยนต์และดูแลเครื่องยนต์ ทำง่าย ถูกใจคนรักรถ
สำหรับคนรักรถยนต์แล้ว การได้ดูแลรักษารถยนต์คันโปรดด้วยตัวเอง ทั้งเรื่องการทำความสะอาดรถยนต์ภายนอกและภายใน รวมถึงการดูแลประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ เพื่อให้รถคันนั้นอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง และยังเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุระหว่างใช้รถได้อีกด้วย
วันนี้ SOMPO ตามใจ จะมาแชร์เทคนิคการดูแลรักษารถยนต์ให้สามารถใช้งานได้เต็มสมรรถนะไปนาน ๆ รวมทั้งมีสภาพสวย สะอาด น่าใช้งานในระยะยาว บอกครบทั้งเรื่องหลักการบำรุงรักษารถยนต์ และเทคนิคการทำความสะอาดรถยนต์ ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกเอาเอง
วิธีการดูแลรักษารถยนต์และดูแลเครื่องยนต์ในเบื้องต้น
หัวใจสำคัญของรถยนต์ แน่นอนว่าต้องหนีไม่พ้นเครื่องยนต์ที่มีหน้าที่ขับเคลื่อนรถให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ และเป็นตัวกำหนดว่ารถยนต์คันนั้นจะสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ โดยการบำรุงรักษารถยนต์ในส่วนของเครื่องยนต์และรถยนต์ที่ควรให้ความสำคัญ หมั่นตรวจเช็กและดูแลให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ มีดังนี้
1. ตรวจของเหลวต่าง ๆ ในเครื่องยนต์
อันดับแรกในการดูแลรักษาเครื่องยนต์ เราต้องตรวจสอบของเหลวในเครื่องยนต์ว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือไม่ โดยมีของเหลวที่ต้องตรวจสอบเป็นประจำ ดังนี้
- ระดับน้ำมันเครื่อง ควรอยู่ในระดับไม่เกินหรือพอดีกับขีดบน (F, MAX) และควรเปลี่ยนถ่ายทุก 6 เดือน
- ระดับน้ำหล่อเย็น ควรอยู่ในระดับ Full เสมอ และต้องเช็กขณะที่เครื่องเย็น
- ระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ ควรอยู่ในระดับ UPPER/LEVEL
- ระดับน้ำมันเบรก ควรอยู่ที่ระดับ Max เสมอ
- ระดับน้ำมันเกียร์ Auto ควรเช็กขณะที่เครื่องยนต์ติดอยู่ โดยระดับของน้ำมันเกียร์จะต้องอยู่สูงกว่าขีดที่ 3 นับจากล่างขึ้นบน
- ระดับน้ำมัน Power ควรเช็กขณะที่เครื่องยนต์ติดอยู่เช่นกัน โดยสามารถดูจากระดับที่ถังหากว่าอยู่ใกล้ระดับ Min ให้เติมน้ำมัน Power ลงไป แต่หากว่าถังน้ำมัน Power เป็นสีขุ่น สามารถใช้ก้านวัดจุ่มตรวจสอบได้เช่นเดียวกัน
2. ตรวจสอบลมยางและสภาพยางเป็นประจำ
ยางรถยนต์ มีหน้าที่หลักในการรับน้ำหนักรถ ผู้โดยสาร และสัมภาระ จึงควรเช็กระดับลมยางทุก 7 วัน และหมั่นเช็กว่ายางมีสภาพพร้อมใช้งานไหม ดอกยางสึกผิดปกติหรือไม่ มีรอยรั่ว รอยแตก หรือถูกอะไรตำไหม เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
3. ตรวจสอบสายพานว่ายังอยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ
หลักการบำรุงรักษารถยนต์พื้นฐาน คือ อะไหล่รถยนต์ทุกอย่างต้องอยู่ในสภาพดีและใช้งานได้อย่างปลอดภัย ซึ่งในส่วนของสายพานรถยนต์จะมีอายุการใช้งานประมาณ 50,000 กิโลเมตร หรือ 2-3 ปี แต่หากมีรอยแตกหรือหย่อนก่อนครบกำหนด ก็ควรทำการเปลี่ยนทันทีเพื่อความปลอดภัย
4. เช็กสภาพห้องเครื่องอยู่เสมอ
หมั่นตรวจสอบสภาพห้องเครื่องให้แน่ใจว่าไม่มีคราบน้ำซึม สายไฟและอุปกรณ์อื่น ๆ ไม่ชำรุด รวมทั้งควรล้างห้องเครื่องอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อลดความร้อนของเครื่องยนต์ระหว่างที่ใช้งานรถ เป็นหนึ่งในวิธีดูแลเครื่องยนต์ที่หลายคนอาจจะละเลย
5. เปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนทุก 6-12 เดือน
การขับรถระหว่างที่ฝนตก ต้องอาศัยสมาธิของผู้ขับขี่และทัศนวิสัยที่ดี ซึ่งที่ปัดน้ำฝนที่มีคุณภาพจะช่วยให้คุณมองเห็นทางข้างหน้าได้อย่างชัดเจน หากเสื่อมสภาพ มีเสียง ไม่สามารถปัดน้ำฝนได้หมดจดเหมือนเดิม ก็ควรเปลี่ยนใหม่ทันที โดยอายุการใช้งานเฉลี่ยของที่ปัดน้ำฝนจะอยู่ที่ประมาณ 6-12 เดือน
6. ตรวจสอบระบบไฟส่องสว่างและไฟสัญญาณ
วิธีการตรวจเช็กรถยนต์ไม่ได้จบที่เครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องตรวจสอบระบบต่าง ๆ อย่างไฟส่องสว่างและไฟสัญญาณว่ายังสามารถใช้งานได้ดีหรือไม่
แนะนำให้ลองเปิดไฟทุกดวง ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก และไฟที่อยู่ภายในตัวรถ เช็กว่าดวงไหนทำงานผิดปกติหรือไม่ เพื่อให้รถพร้อมใช้งานในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน
วิธีทำความสะอาดรถยนต์ให้สะอาดเหมือนใหม่ น่าใช้งาน
นอกจากวิธีดูแลเครื่องยนต์แล้ว ขั้นตอนการล้างรถยนต์ให้ตัวรถสะอาด เงางาม ดูใหม่อยู่เสมอ ก็สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยอุปกรณ์ไม่กี่อย่าง รับรองสะอาดทั้งภายนอกและภายใน
ขั้นตอนการล้างรถยนต์ภายนอก
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม ได้แก่ แชมพูล้างรถ ฟองน้ำเนื้อละเอียด ผ้าไมโครไฟเบอร์ และแปรงสำหรับล้างล้อ โดยมีขั้นตอน ดังนี้
- ฉีดน้ำลงบนตัวรถเพื่อไล่ฝุ่นและคราบสกปรก โดยควรฉีดไล่จากด้านบนลงด้านล่าง
- ใช้แปรงล้างล้อชุบแชมพูล้างรถแล้วขัดทำความสะอาดให้หมดจด
- ผสมแชมพูล้างรถกับน้ำ แล้วใช้ฟองน้ำเนื้อละเอียดเช็ดทำความสะอาดจากหลังคาลงมาด้านล่าง ฉีดน้ำซ้ำอีกครั้ง เพื่อทำความสะอาดแชมพูล้างรถและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่
- ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดคราบน้ำออกจากตัวรถ โดยถูไปทางเดียวกันเพื่อป้องกันรถเป็นคราบน้ำ เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ
ข้อควรระวังที่ไม่ควรทำขณะล้างรถ
- อย่ารอจนรถยนต์แห้งเอง ให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดทำความสะอาดคราบน้ำทันที
- ไม่ควรใช้ไม้ขนไก่ในการปัด เพราะอาจจะทำให้สีรถเป็นรอยได้
- อย่าใช้ผงซักฟอกและน้ำยาล้างจาน ให้ใช้น้ำยาสำหรับล้างรถยนต์โดยเฉพาะ
- ห้ามใช้เสื้อผ้าเก่า เพราะรอยตะเข็บอาจจะทำให้สีรถเป็นรอยได้เช่นเดียวกัน
คราบสกปรกฝังแน่นที่ควรล้างออกทันที
- คราบยางมะตอย แนะนำให้ใช้น้ำมันสนถูคราบทิ้งเอาไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วค่อยล้างออก หรือซื้อน้ำยาสำหรับล้างคราบยางมะตอยโดยเฉพาะ
- คราบมูลนก เพราะอาจจะทำให้สีรถด่างได้
- คราบน้ำ ใช้ผ้าสะอาดเช็ด เพื่อป้องกันการเป็นรอยด่าง หรือคราบน้ำติดแน่น
การทำความสะอาดรถยนต์ภายในห้องโดยสาร
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม ได้แก่ เครื่องดูดฝุ่น น้ำยาทำความสะอาดเบาะและพื้นผิวรถยนต์ โดยมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
- เปิดประตูรถให้ครบทุกบาน จากนั้นนำสิ่งของที่อยู่ภายในห้องโดยสารออกมาให้หมด รวมถึงพรมเช็ดเท้าในรถ
- ดูดฝุ่นบริเวณเบาะ พรม และซอกเล็ก ๆ ในรถยนต์ หากว่ามีหัวดูดเล็ก ๆ สามารถนำมาใช้งานได้
- ล้างทำความสะอาดพรมรถยนต์ แล้วตากเอาไว้ให้แห้ง
- ใช้น้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์ทำความสะอาดเบาะ พวงมาลัย คอนโซลรถยนต์
ขับขี่อุ่นใจทุกเส้นทางด้วยประกันรถยนต์ SOMPO ตามใจ
รู้จักวิธีการตรวจเช็กรถยนต์และการขั้นตอนการล้างรถยนต์ครบทุกองค์ประกอบแล้ว มาเพิ่มความมั่นใจให้ทุกการขับขี่ด้วยประกันรถยนต์ SOMPO ตามใจ ‘ดูแลคนไทยด้วยหัวใจญี่ปุ่น’ ประกันรถยนต์ที่สามารถเลือกปรับแต่งได้ตามใจ ทั้งวงเงินคุ้มครอง ระยะเวลาการคุ้มครอง และรูปแบบการจ่ายเบี้ยประกัน พร้อมดูแลคุณอย่างเต็มที่ด้วยศูนย์รับแจ้งเหตุที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง รองรับทุกความต้องการของคนใช้รถใช้ถนน